รถหายระหว่างผ่อนชำระค่าเช่าซื้อ?
- Surachet
- Jul 9, 2018
- 1 min read
------------------------------------------------------------
🔑🔑🔑 มีหลายคนสงสัยว่า ถ้ารถยนต์คันที่เรากำลังผ่อนชำระค่างวดอยู่ เกิดหายไป เรายังต้องผ่อนชำระค่างวดนั้นต่อไปจนกว่าจะครบหรือเปล่า🤔🤔🤔 วันนี้เราจะมาไขข้อข้องใจกัน....🧐🧐
------------------------------------------------------------
ปัญหาในลักษณะนี้ มีการฟ้องร้องคดีกันอยู่บ่อยๆ นะครับ ศาลฎีกาซึ่งเป็นศาลสูงสุดของบ้านเราก็ได้มีคำตัดสินเป็นบรรทัดฐานไว้ พอที่จะสรุปให้เข้าใจง่ายๆ ได้ดังนี้
ถ้ารถที่เช่าซื้อหายไป... สัญญาเช่าซื้อที่ทำไว้ก็เป็นอันระงับไป เมื่อสัญญาระงับไป ก็หมายความว่า ไม่มีสัญญาให้ต้องปฏิบัติต่อกันแล้วนะสิครับ ซึ่งเรื่องนี้ถือว่าเป็นไปโดยผลของกฎหมายนะครับ (แม้จะไม่ได้ตกลงกันไว้ในสัญญาให้เป็นแบบนี้ก็ตาม 😶)
👉 เหตุผล (ขอใช้ภาษากฎหมายสักนิดเพื่อความชัดเจน 😄) ก็เนื่องจาก... สัญญาเช่าซื้อถือเป็นการเช่าทรัพย์ที่มีข้อกำหนดให้ทรัพย์ที่เช่าตกเป็นกรรมสิทธิ์ของผู้เช่า เมื่อได้ใช้เงินให้ผู้ให้เช่าครบตามที่กำหนดไว้ในสัญญา ดังนั้น หน้าที่ความรับผิดชอบของคู่สัญญาจึงต้องอยู่ภายใต้บังคับของกฎหมายลักษณะเช่าทรัพย์ "เมื่อทรัพย์สินที่เช่า คือ รถยนต์หายไปสัญญาเช่าย่อมระงับไปตาม ป.พ.พ. มาตรา 572 ผู้เช่าซื้อไม่ต้องชำระเงินค่าเช่าซื้อรถยนต์นับแต่วันที่รถหายอีกต่อไป (ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้จากคำพิพากษาศาลฎีกาที่ 304/2522 นะครับ)
‼️แต่‼️ อย่าเพิ่งหลงดีใจไป... เมื่อรถหายไป แม้จะไม่ต้องชำระค่าเช่าซื้อแล้ว แต่ก็ต้องรับผิดชดใช้ราคาหรือค่าเสียหายให้แก่ผู้ให้เช่าซื้ออยู่นะครับ แต่อย่างไรก็ตาม ความแตกต่างของมันอยู่ที่ว่า ผู้ให้เช่าซื้อเค้าก็ต้องคำนวณมาว่าค่าเสียหายสำหรับรถยนต์ที่หายไปควรจะเป็นจำนวนเท่าไหร่ แต่จะมาฟ้องเพื่อให้เราต้องรับผิดชอบชำระค่างวดที่เหลืออยู่ตามสัญญาไม่ได้ครับ (ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ในคำพิพากษาศาลฎีกาที่ 234/2522)
📌📌มีอีกเรื่องแถมท้ายก่อนจบ ถ้าในสัญญามีข้อตกลงกำหนดไว้ว่า กรณีรถหาย ผู้เช่าซื้อยินยอมชำระค่าเช่าซื้อต่อไป แบบนี้ศาลฎีกาท่านได้วินิจฉัยไว้ว่า "ข้อตกลงดังกล่าวเป็นข้อตกลงที่ใช้บังคับได้นะครับ แต่ให้ถือว่า การตกลงดังกล่าวเป็นการกำหนดค่าเสียหายที่จะชำระให้แก่ผู้ให้เช่าซื้อไว้ล่วงหน้า ซึ่งตามกฎหมายถือว่าเป็น "เบี้ยปรับ" ไม่ใช่ "ค่างวดรถ" เมื่อเป็นเบี้ยปรับศาลที่พิจารณาคดีก็มีอำนาจที่จะปรับลดและกำหนดให้ชำระตามที่ท่านเห็นสมควรได้นะครับ (ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้จากคำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4634/2549)
หวังว่าข้อมูลเหล่านี้จะเป็นประโยชน์แก่ทุกท่านไม่มากก็น้อยนะครับ อย่างน้อยๆ หากเกิดเหตุการณ์ในลักษณะนี้ขึ้น จะได้รู้ว่า มีสิทธิและหน้าที่ตามกฎหมายอย่างไร และจัดการกับปัญหาได้อย่างถูกต้องไม่เสียรู้นะครับ...
Comments